ประเภทของบัตรสีชมพู ของแรงงานต่างด้าว มีความแตกต่างกันตามนโยบายแรงงาน
บัตรสีชมพู เป็นบัตรประจำตัวคนต่างด้าว ที่นายจ้างหรือพี่น้องแรงงานต่างด้าวคุ้นเคย เคยรู้หรือไม่ว่า บัตรสีชมพูเหมือนกัน แต่มีรายละเอียดบางอย่างแตกต่างกัน สิทธิ์และสถานะก็ไม่เท่ากัน รวมทั้งบัตรสีชมพูบางประเภท ต้องมีขั้นตอนต่อถัดมา บทความนี้ จะมาอธิบายความแตกต่างของบัตรชมพูแต่ละประเภท เพื่อเป็นประโยชน์ต่อนายจ้างและพี่น้องแรงงาน เพื่อได้ทราบสถานะตนเองและรู้ว่าจะต้องทำอะไรบ้างในขั้นตอนต่อไป
สารบัญ
บัตรสีชมพูหรือบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (บัตรสีชมพู) คือ
ตามคำนิยาม ตามพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 ให้คำจำกัดความคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ดังนี้
- คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองและมีใบสำคัญถิ่นที่อยู่หรือใบสำคัญประจำตัวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองหรือกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนคนต่างด้าว แล้วแต่กรณี และบุตรที่เกิดในราชอาณาจักรและไม่ได้สัญชาติไทยโดยการเกิดตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ
- คนต่างด้าวซึ่งได้รับการผ่อนผันให้พักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และบุตรที่เกิดในราชอาณาจักรและไม่ได้สัญชาติไทยโดยการเกิดตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ
- คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และบุตรที่เกิดในราชอาณาจักรและไม่ได้สัญชาติไทยโดยการเกิดตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ
- คนต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และบุตรที่เกิดในราชอาณาจักรและไม่ได้สัญชาติไทยโดยการเกิดตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ
การขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายทำเพื่ออะไร
การขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย คือ การนำแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายที่อยู่ในประเทศมาขึ้นทะเบียนเพื่อเข้าสู่ระบบคุ้มครองแรงงานตามกฎหมายของประเทศไทย โดยมีการนำบัตรสีชมพูมาใช้ในการระบุตัวตนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย โดยการขึ้นทะเบียนแรงงานผิดกฎหมายจะไม่ได้มีเป็นการทั่วไป แต่จะขึ้นกับ นโยบาย สถานการณ์ความจำเป็น ณ ขณะนั้นๆ
ปี 2557 ไทยได้ถูกจัดอันดับการแก้ไขปัญหาในเรื่องการค้ามนุษย์อยู่ที่ระดับต่ำสุด คือ Tier 3 เป็นเหตุให้ คณะรัฐประหารต้องจัดระบบแรงงานต่างด้าวใหม่
กระบวนการจ้างแรงงานต่างด้าวปกติ จะต้องนำแรงงานต่างด้าวมาจากประเทศต้นทาง และดำเนินการขออนุญาตให้ถูกต้อง ตั้งแต่เข้ามาทำงานในประเทศ เรามักจะเรียกแรงงานเหล่านี้ว่า แรงงานนำเข้า MOU
ต่างจากแรงงานที่ขึ้นทะเบียนในประเทศ เพราะต่างด้าวเหล่านี้ผิดกฎหมายในประเทศไทยอยู่แล้ว
วัตถุประสงค์ของการขึ้นทะเบียนต่างด้าว
การขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย มีวัตถุประสงค์หลักๆ คือ การแก้ปัญหาเรื่องการค้ามนุษย์ โดยประเทศไทยได้เคยถูกจัดอันดับการแก้ไขปัญหาในเรื่องการค้ามนุษย์อยู่ที่ระดับต่ำสุด คือ Tier 3 ซึ่งมีผลต่อการส่งออกสินค้าสำคัญไปยังประเทศยุโรป และอเมริกา โดย เฉพาะ กลุ่มอาหารทะเล
อีกทั้งปัญหาแรงงานต่างด้าว ยังเกี่ยวข้องกับปัญหาความมั่นคงของชาติ และ ปัญหาอาญชญากรรมที่ตามมา ถ้าไม่มีการดูแลและควบคุมที่ดีพอ
Tier 3 คือ ประเทศที่ไม่ผ่านมาตรฐานขั้นต่ำในการขจัดการค้ามนุษย์ทุกประการ และไม่พยายามแก้ปัญหา
ประเภทของบัตรสีชมพู
บัตรสีชมพู ระยะหลังได้ถูกใช้ในการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และ ระบบการนำเข้า MOU ยังไม่ตอบโจทย์รองรับคนจำนวนมากเพราะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการนานและมีขั้นตอนที่ซับซ้อน ผู้เขียนจะขอแบ่งประเภทบัตรสีชมพูใหญ่ๆ เป็น 2 กลุ่ม คือ บัตรสีชมพู กลุ่มขึ้นทะเบียนใหม่ และ กลุ่มที่ต่ออายุบัตร (มีเอกสารระบุตัวตน)
1. บัตรสีชมพู กลุ่มขึ้นทะเบียนใหม่
การขึ้นทะเบียนกลุ่มนี้เป็นการขึ้นทะเบียนคนหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย ไม่มีเอกสารประจำตัวพาสปอร์ต หรือ มีแต่หมดอายุไปแล้ว เป็นการขึ้นทะเบียนโดยไม่สนใจเอกสารต่างด้าวใดๆ ข้อมูลจะได้จากการสัมภาษณ์แรงงานต่างด้าว โดยข้อมูลหลักๆ จะเป็น ชื่อภาษาไทย ภาษาอังกฤษ วันเดือนปีเกิด ชื่อพ่อ ชื่อแม่ สะกดภาษาไทย ข้อมูลจะไม่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ จนกว่าจะผ่านการพิสูจน์สัญชาติจากประเทศต้นทาง จากนั้นจะต้องไปถ่ายรูปทำบัตรสีชมพู โดยระยะหลังได้มีขั้นตอนการเก็บอัตลักษณ์บุคคล เช่น รายนิ้วมือ และ ม่านตา เพิ่มเติมไปด้วย
การพิสูจน์สัญชาติ คือ การพิสูจน์บุคคลว่าเป็นคนของประเทศนั้นจริงหรือไม่ โดยทางการไทยได้เชิญเจ้าหน้าที่จากประเทศต้นทาง มาพิสูจน์บุคคลและออกหนังสือรับรองบุคคลของประเทศนั้นๆ ซึ่งการพิสูจน์สัญชาติ เจ้าหน้าที่จะทำการสัมภาษณ์ ดูเอกสารทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน ของแรงงาน
ตัวอย่าง บัตรสีชมพูปี 2558 ต่ออายุถึง 2559
2. บัตรสีชมพู กลุ่มที่ต่ออายุบัตร (มีเอกสารระบุตัวตน)
การขึ้นทะเบียนประเภทนี้ จะเป็นลักษณะผ่อนผันให้อยู่ต่อ เหตุผลหลักๆ เพราะเราขาดแคลนแรงงานจำนวนมาก การนำแรงงานต่างด้าวเข้าระบบ MOU ต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายสูง อาจจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโดยภาพรวม ซึ่งกลุ่มนี้ต่างด้าวจะต้องมีพาสปอร์ตและผ่านการพิสูจน์สัญชาติมาแล้วได้เอกสารระบุตัวตน ในบัตรสีชมพูจะมีการใส่ หมายเลขพาสปอร์ตของแรงงานอยู่มุมบนซ้ายมือหน้าบัตร บัตรชมพูบางรุ่นมีการระบุวันหมดอายุวีซ่าลงไปด้วยตรงข้างหลังบัตร เช่น บัตรชมพู ปี 2561 เอกสารต่างด้าวของกลุ่มนี้ จะประกอบด้วย พาสปอร์ตหรือเอกสารที่ระบุตัวตน ที่มีการตรวจลงตราวีซ่าโดยตรวจคนเข้าเมืองและมีบัตรสีชมพูใช้แทนใบอนุญาตทำงาน
ตัวอย่าง บัตรสีชมพู ปี 2561 ต่ออายุถืง ปี 2563
ตัวอย่าง บัตรสีชมพู ปี 2563 ต่ออายุถืง ปี 2565
ตารางเปรียบเทียบบัตรชมพูทั้งสองประเภท
กลุ่มขึ้นทะเบียนใหม่
กลุ่มมติ ครม ที่เกี่ยวข้อง
กลุ่ม มติ 29 ธันวาคม 2563
กลุ่ม มติ 28 กันยายน 2564
เอกสารแรงงานต่างด้าว
เอกสารแรงงานจะมีแค่บัตรสีชมพู ที่ระบุตัวตนเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถเดินทางออกนอกเขตและเดินทางกลับบ้านได้ ต้องยื่นเรื่องขออนุญาตออกนอกเขตหรือกลับบ้าน ที่ สำนักจัดหางานพื้นที่
ขั้นตอนการดำเนินการ
นายจ้างยื่นขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว ตรวจร่างกาย จัดเก็บอัตลักษณ์ ถ่ายบัตรสีชมพู หลังจากนั้นจะมีการพิสูจน์สัญชาติ เพื่อออกหนังสือระบุตัวตนต่างด้าว เช่น พาสปอร์ต CI TD และไปตรวจลงตราวีซ่า ในขั้นตอนต่อไป ต่างด้าวถึงจะมีสิทธิ์เต็มในการเดินทางและกลับบ้าน
กลุ่มต่ออายุบัตร(มีเอกสารระบุตัวตน)
กลุ่ม มติ ครม ที่เกี่ยวข้อง
กลุ่ม มติ 20 สิงหาคม 2562
กลุ่ม มติ 4 สิงหาคม 2563
กลุ่ม มติ 13 กรกฎาคม 2564
เอกสารต่างด้าว
แรงงานต่างด้าวจะมีเอกสารครบสามอย่าง คือ พาสปอร์ต หรือ หนังสือสำคัญระบุตัวตน วีซ่าทำงาน และ ใบอนุญาตทำงาน(บัตรสีชมพู) มีสิทธิ์เต็มในการเดินทาง และกลับบ้านได้
ขั้นตอนการดำเนินการ
แรงงานต่างด้าวมีเอกสารระบุตัวตนเรียบร้อยแล้ว ก็ทำการตรวจร่างกาย ตรวจลงตราวีซ่า และถ่ายบัตรประจำตัวสีชมพูใหม่